สงครามกลางเมือง (Chinese Civil War) ระหว่างพรรคคอมมิวนิสต์จีนกับพรรคก๊กมินตั๋ง สิ้นสุดลงในปี พ.ศ. 2492 หลังสงครามโลกครั้งที่ 2 โดยจบลงด้วยการที่ พรรคคอมมิวนิสต์จีนได้เข้าปกครองจีนแผ่นดินใหญ่ ส่วนพรรคก๊กมินตั๋งได้เข้าปกครองไต้หวัน และเกาะบางเกาะในมณฑลฝูเจี้ยน ในวันที่ 1 ตุลาคม พ.ศ. 2492 เหมาเจ๋อตุง ได้ประกาศสถาปนาสาธารณรัฐประชาชนจีน และปกครองด้วยระบอบคอมมิวนิสต์ การปกครองในสมัยของเหมานั้น เข้มงวดและกวดขัน แม้กระทั่งชีวิตประจำวันของประชาชน
หลังจากที่เหมาเจ๋อตุงถึงแก่อสัญกรรม เติ้งเสี่ยวผิงก็ได้ขึ้นสู่อำนาจ โดยจีนยังคงอยู่ในระบอบคอมมิวนิสต์ หลังจากนั้นรัฐบาลจีนจึงได้ค่อยๆ ลดการควบคุมชีวิตส่วนตัวของประชาชน และพยายามที่จะปฏิรูประบบเศรษฐกิจของตนให้เป็นไปตามกลไกตลาด
การปฏิวัติ
การปฏิวัติครั้งแรก (พ.ศ. 2454)
การปฏิวัติครั้งแรกของจีนเกิดขึ้นเมื่อปี พ.ศ. 2454 (ค.ศ. 1911) ซึ่งเป็นการโค่นล้มอำนาจการปกครองของราชวงศ์ชิง โดยการนำของ ดร. ชุน ยัตเซน หัวหน้าพรรคก๊กมินตั๋ง เป็นผลทำให้จีนเปลี่ยนแปลงการปกครองเข้าสู่ระบอบประชาธิปไตยในที่สุด สาเหตุที่ก่อให้เกิดการโค่นล้มอำนาจครั้งนี้น่าจะมาจากความเสื่อมโทรมของสภาพสังคมจีน ผู้นำประเทศจักรพรรดิแมนจูไม่มีอำนาจกำลังพอที่จะปกครองประเทศได้ ซึ่งตลอดระยะเวลาปกครอง 268 ปี (พ.ศ. 2187 – 2455) มีแต่การแย่งชิงอำนาจในหมู่ผู้นำราชวงศ์ ด้วยเหตุนี้ราษฎรส่วนมากจึงตกอยู่ในสภาพยากจน ชาวไร่ ชาวนาถูกขูดรีดภาษีอย่างหนัก ถูกเอารัดเอาเปรียบจากเจ้าของที่ดิน ชาวต่างชาติเข้ามากอบโกยผลประโยชน์ แผ่นดินจีนถูกคุกคามจากต่างชาติ โดยเฉพาะชาติมหาอำนาจตะวันตก และญี่ปุ่น ซึ่งจีนทำสงครามต่อต้านการรุกรานของกองกำลังต่างชาติเป็นฝ่ายแพ้มาโดยตลอด ทำให้คณะปฏิวัติไม่พอใจระบอบการปกครองของราชวงศ์แมนจูเพื่อความสำเร็จในการแก้ปัญหาของของประเทศชาติ ดร. ซุน ยัตเซ็น ผู้นำฯ จึงได้ประกาศอุดมการณ์ของการปฏิวัติ 3 ประการ เรียกว่า “ลัทธิไตรราษฎร์” มีหัวข้อดังนี้
- ประชาธิปไตย มีการปกครองในระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย และมีรัฐธรรมนูญเป็นกฎหมายสูงสุดในการปกครองประเทศ
- ชาตินิยม ต้องขับไล่อำนาจและอิทธิพลของต่างชาติออกไปจากจีน
- สังคมนิยม มีการจัดสรรที่ดินให้แก่เกษตรกร
การปฏิวัติครั้งที่สอง (พ.ศ. 2492)
การปฏิวัติของจีนครั้งที่สอง ในปี พ.ศ. 2492 (ค.ศ. 1949) เป็นการปฏิวัติภายหลังสงครามโลกครั้งที่สองยุติลง (ค.ศ. 1939 – 1945) ภายใต้การนำของ เหมา เจ๋อตุง ผู้นำพรรคคอมมิวนิสต์จีน เป็นการปฏิวัติเปลี่ยนแปลงการปกครองจากระบอบสาธารณรัฐประชาธิปไตย เข้าสู่ระบอบสังคมนิยม หรือคอมมิวนิสต์ โดยนับวันที่ 1 ตุลาคม ค.ศ. 1949 ซึ่งเป็นวันสถาปนาประเทศจีนใหม่หรือที่เรียกอย่างเป็นทางการว่า "สาธารณรัฐประชาชนจีน" โดยการปฏิวัติมีสาเหตุซึ่งสรุปได้ดังนี้- ปัญหาความเสื่อมโทรมทางเศรษฐกิจและความยากจนของประชาชน ซึ่งรัฐบาลของประธานาธิบดี เจียง ไคเช็ค ไม่สามารถแก้ปัญหาได้
- การเผยแพร่อุดมการณ์คอมมิวนิสต์ในประเทศจีน เพื่อมุ่งแก้ไขปัญหาความยากจนของราษฎร โดยให้ความสำคัญแก่ชนชั้นผู้ใช้แรงงานและเกษตรกร และเป็นศัตรูกับชนชั้นนายทุน
การปฏิวัติครั้งที่สองของจีนมีความสำเร็จ สรุปได้ดังนี้
- ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ เหมา เจ๋อตุง
รัฐบาลได้ยึดที่ดินทำกินของเอกชนมาเป็นของรัฐบาล และใช้ระบบการผลิตแบบนารวม ชาวนามีฐานะเป็นแรงงานของรัฐ ทำให้ขาดความกระตือรือร้นเพราะทุกคนได้รับผลตอบแทนเท่ากัน ชีวิตความเป็นอยู่ของผู้คนส่วนใหญ่มีสภาพลำบากยากจนเหมือนๆ กัน - ระบอบคอมมิวนิสต์ในยุคของ เติ้ง เสี่ยวผิง
เป็นยุคที่จีนปฏิรูปเศรษฐกิจของประเทศให้เป็นระบบตลาด หรือทุนนิยม โดยอมรับแนวทางทุนนิยมของชาติตะวันตกมากขึ้น เช่น เปิดรับการลงทุนจากต่างชาติ เพื่อให้คนจีนมีงานทำ และอนุญาตให้ภาคเอกชนดำเนินธุรกิจการค้าได้ เป็นต้น ทั้งนี้ ระบอบการปกครองยังคงเป็นคอมมิวนิสต์เหมือนเดิม
- ระบอบคอมมิวนิสต์ สำหรับจีนแผ่นดินใหญ่ (ไม่รวมไต้หวัน)
- ระบอบประชาธิปไตยและระบอบทุนนิยมเสรี สำหรับฮ่องกงและมาเก๊า
ผลกระทบของการปฏิวัติจีนครั้งที่สอง คือ
- การปฏิวัติของ เหมา เจ๋อตง เป็นแบบอย่างในการปฏิวัติของกระบวนการคอมมิวนิสต์ในประเทศกำลังพัฒนา ทั้งในทวีปเอเชีย แอฟริกา และอเมริกาใต้ โดยเฉพาะการใช้ยุทธศาสตร์ “ป่าล้อมเมือง” โดยเริ่มจากการปฏิวัติของเกษตรในชนบทและค่อยๆ ขยายเข้าไปสู่เมือง
- การปฏิรูปเศรษฐกิจตามแนวของ เติ้ง เสี่ยวผิง โดยยอมรับระบบทุนนิยมของโลกตะวันตก เป็นตัวอย่างความสำเร็จของการแยกระบบการปกครองออกจากระบบเศรษฐกิจ
เมืองหลวงของจีน
ระยะการปกครองของจีนตั้งแต่ อดีต-ปัจจุบัน มีการเปลี่ยนเมืองหลวง สามารถจำแนกเมืองหลวงได้ดังนี้ตารางแสดงช่วงเวลาของราชวงศ์และยุคในประวัติศาสตร์จีน
- ก่อนประวัติศาสตร์ ราว 3 ล้านปี – ปี 2100 ก่อน ค.ศ.
- ราชวงศ์เซี่ย (夏) ราวปี 2100 – 1600 ก่อน ค.ศ. ราว 500 ปี
- ราชวงศ์ซาง (商) ราวปี 1600 - 1028 ก่อน ค.ศ. ราว 550 ปีขึ้นไป
- ราชวงศ์โจว (周) ราวปี 1027 – 256 ก่อน ค.ศ. ราว 770 ปี แยกได้เป็น
- โจวตะวันตก (西周) ราวปี 1027 – 771 ก่อน ค.ศ. ราว 250 ปี
- โจวตะวันออก (東周) ปี 770 – 256 ก่อน ค.ศ. ราว 515 ปี
- ราชวงศ์ฉิน (秦) ปี 221 – 207 ก่อน ค.ศ. รวม 15 ปี
- ราชวงศ์ฮั่น (漢) ปี 202 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 220 รวม 422 ปี แยกได้เป็น
- ฮั่นตะวันตก (西漢) ปี 202 ก่อน ค.ศ. – ค.ศ. 8 รวม 210 ปี
- ซิน (新) ค.ศ. 9 – 23 รวม 15 ปี
- ฮั่นตะวันออก (東漢) ค.ศ. 25 - 220 รวม 196 ปี
- ราชวงศ์จิ้น (晉) ค.ศ. 265 – 420 รวม 156 ปี แยกได้เป็น
- ยุคราชวงศ์ใต้และเหนือ (南朝 - 北朝) ค.ศ. 420 – 589 รวม 170 ปี แยกได้เป็น
- ยุคราชวงศ์ใต้ แยกย่อยได้เป็น
- ยุคราชวงศ์เหนือ แยกย่อยได้เป็น
- เว่ยเหนือ (北魏) ค.ศ. 386 – 534
- เว่ยตะวันออก (東魏) ค.ศ. 534 – 550
- เว่ยตะวันตก (西魏) ค.ศ. 535 – 556
- ฉีเหนือ (北齊) ค.ศ. 550 – 557
- โจวเหนือ (北周) ค.ศ. 557 – 581
- ราชวงศ์สุย (隋) ค.ศ. 581 – 618 รวม 38 ปี
- ราชวงศ์ถัง (唐) ค.ศ. 618 – 907 รวม 290 ปี
- ยุคห้าราชวงศ์ (五代) และยุคสิบแคว้น (十國) ค.ศ. 907 – 960 รวม 54 ปี แยกได้เป็น
- ยุคห้าราชวงศ์
- โฮ่วเหลียง (後梁) ค.ศ. 907 – 923
- โฮ่วถัง (後唐) ค.ศ. 923 – 936
- โฮ่วจิ้น (後晉) ค.ศ. 936 – 946
- โฮ่วฮั่น (後漢) ค.ศ. 947 – 950
- โฮ่วโจว (後周) ค.ศ. 951 – 960
- ยุคสิบแคว้น
- ยุคห้าราชวงศ์
- ราชวงศ์ซ่ง (宋) ค.ศ. 960 – 1279 รวม 320 ปี แยกได้เป็น
- ราชวงศ์หยวน (元) ค.ศ. 1271 – 1368 รวม 98 ปี
- ราชวงศ์หมิง (明) ค.ศ. 1368 – 1644 รวม 277 ปี
- ราชวงศ์ชิง (清) ค.ศ. 1644 – 1912 รวม 267 ปี
ขอบคุณข้อมูลจาก ThaiChinese.Net
เนื้อหาน่าสนใจ สีสันสวยงามน่าอ่าน ^^
ตอบลบรูปแบบสวยงามดี สีสันสวยดี
ตอบลบเนื้อหาดีค่ะ จัดรูปแบบสวยค่ะ
ตอบลบ